วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

การแบ่งเขตการปกครอง

การแบ่งเขตการปกครอง
     ประเทศเวียดนามแบ่งเป็น 58 จังหวัด และ 5 เทศบาลนคร ดังนี้


ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง
  - บั๊กนิญ
  - ห่านาม
  - หายเซือง
  - ฮึงเอียน
  - นามดิ่ญ
  - นิญบิ่ญ
  - ท้ายบิ่ญ
  - หวิญฟุก
  - ฮานอย (เทศบาลนคร)
  - ไฮฟอง (เทศบาลนคร)


 
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
  - อานซาง
  - บักเลียว
  - เบ๊นแจ
  - ก่ามาว
  - ด่งท้าป
  - เหิ่วซาง
  - เกียนซาง
  - ล็องอาน
  - ซ้อกจัง
  - เตี่ยนซาง
  - จ่าวิญ
  - หวิญล็อง
  - เกิ่นเทอ (เทศบาลนคร)


ที่สูงตอนกลาง
  - ดักลัก
  - ดักนง
  - ซาลาย
  - กอนตูม
  - เลิมด่ง ชายฝั่งตอนกลางเหนือ
  - ห่าติ๋ญ
  - เหงะอาน
  - กว๋างบิ่ญ
  - กว๋างจิ
  - ทัญฮว้า
  - เถื่อเทียน
  – เฮว้



ชายฝั่งตอนกลางใต้
  - บิ่ญดิ่ญ
  - บิ่ญถ่วน
  - คั้ญหว่า
  - นิญถ่วน
  - ฟู้เอียน
  - กว๋างนาม
  - กว๋างหงาย
  - ดานัง (เทศบาลนคร)


ตะวันออกเฉียงเหนือ
  - บั๊กซาง
  - บั๊กกั่น
  - กาวบั่ง
  - ห่าซาง
  - หลั่งเซิน
  - หล่าวกาย
  - ฟู้เถาะ
  - กว๋างนิญ
  - ท้ายเงวียน
  - เตวียนกวาง
  - เอียนบ๊าย
 
ตะวันออกเฉียงใต้
  - บ่าเหรียะ
  – หวุงต่าว
  - บิ่ญเซือง
  - บิ่ญฟวก
  - ด่งนาย
  - เตยนิญ
  - โฮจิมินห์ (เทศบาลนคร)
 
ตะวันตกเฉียงเหนือ
  - เดี่ยนเบียน
  - หว่าบิ่ญ
  - ลายเจิว
  - เซินลา
 



ข้อมูลเพิ่มเติม: http://region7.prd.go.th/ewt_news.php?nid=10892&filename=viatnam

การเมืองการปกครอง



1.  การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดเพียงพรรคการเมืองเดียว ผูกขาดการชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม (collective leadership) ที่คานอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำ ได้แก่ - กลุ่มปฏิรูป ที่สนับสนุนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ฟาน วัน ขาย - กลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งต่อต้านหรือชะลอการเปิดประเทศ เพราะเกรงภัยของ "วิวัฒนาการที่สันติ” peaceful evolution) อันเนื่องมาจากการเปิดประเทศ และ - กลุ่มที่เป็นกลาง ประนีประนอมระหว่างสองกลุ่มแรก นำโดยอดีตประธานาธิบดี เจิ่น ดึ๊ก เลือง ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องปรับแนวทางการบริหารประเทศให้ยืดหยุ่นและเปิด กว้างมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้ในย่างก้าวที่รวดเร็วนัก
 
2.  เวียดนามได้มีการเลือกตั้งสภาแห่งชาติ สมัยที่ 11 เมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 มีผู้ได้รับการเลือกตั้งทั้งสิ้น 498 คน เป็นผู้เลือกตั้งอิสระเพียง 2 คน ที่เหลือเป็นผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจากพรรคคอมมิวนิสต์ สภาแห่งชาติมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีหน้าที่ตรากฎหมาย แต่งตั้งหรือถอดถอนประธานาธิบดี ประธานรัฐสภา และ นายกรัฐมนตรี
 
3.  สภาแห่งชาติชุดใหม่ได้เปิดประชุมเมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 โดยสภาได้มีมติสำคัญๆ คือ - รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อ 19 พฤษภาคม - เลือกตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ประจำสภา - การเลือกตั้งให้นายเหวียน วัน อาน ดำรงตำแหน่งประธานสภาต่อไป (เมื่อ 23 กรกฎาคม) - การเลือกตั้งให้นายเจิ่น ดึ๊ก เลือง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป (เมื่อ 24 กรกฎาคม) และ - เลือกตั้งให้นายฟาน วัน ขาย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป (เมื่อ 25 กรกฎาคม) และได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อ 8 สิงหาคม 2545 โดยในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 26 คน มีรัฐมนตรีที่ได้รับแต่งตั่งใหม่ 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ หลายคนเคยดำรงรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงนั้น ๆ มาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการตั้งกระทรวงใหม่ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม และกระทรวงภายใน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารประเทศมาก ขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามที่ดำเนินไปด้วยดีในปัจจุบัน
 
4.  แผนงานการปฏิรูประบบราชการสำหรับปี ค.ศ. 2001-2010 เน้น 4 ประเด็น ได้แก่ การปฏิรูประบบกฎหมาย การปฏิรูปโครงสร้างองค์กร การยกระดับความสามารถของข้าราชการ และการปฏิรูปด้านการคลัง

ลักษณะการปกครอง

ตราแผ่นดินของเวียดนาม

          เวียดนามเป็นประเทศสังคมนิยมที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ (พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเวียดนาม Communist Party of Vietnam – CPV) ซึ่งเป็นสถาบันการเมืองที่มีอำนาจสูงสุด ทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายในการปกครองประเทศโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการร่างกฎหมายและปกครองทั่วไป ประธานาธิบดีทำหน้าที่ดูแลนโยบายของรัฐ การทหาร และการรักษาความสงบภายในประเทศ และมีสถาบันที่สำคัญคือ รัฐบาล ซึ่งแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีและรับรองโดยสถาแห่งชาติ โดยมีวาระ 5 ปี เวียดนามแบ่งออกเป็น 59 จังหวัด และ 5 เขตเมือง หรือเรียกว่า นคร (Can Tho , Da Nang , Hai Phong , Ha Noi , Ho Chi Minh)
         การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดผูกขาดการชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม (collective leadership) ที่คานอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำ ได้แก่
  • กลุ่มปฏิรูป ที่สนับสนุนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ฟาน วัน
  • กลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งต่อต้านหรือชะลอการเปิดประเทศ เพราะเกรงภัยของ “วิวัฒนาการที่ สันติ” peaceful evolution) อันเนื่องมาจากการเปิดประเทศ
  • กลุ่มที่เป็นกลาง ประนีประนอมระหว่างสองกลุ่มแรก นำโดยอดีตประธานาธิบดี เจิ่น ดึ๊ก เลือง ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องปรับแนวทางการบริหารประเทศให้ยืดหยุ่นและเปิด กว้างมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้ในย่างก้าวที่รวดเร็วนัก